วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2550

อาม่ากะหลาน

ครั้งหนึ่ง มีบ้านหลังหนึ่งมีสามี ภรรยา ลูกชาย และอาม่าแก่ๆ คนหนึ่ง

อาม่าแก่มากและไม่แข็งแรง มีอาการมือสั่นตลอดเวลา ทำให้ถือของลำบาก

โดยเฉพาะ เวลาที่อาม่าทานข้าวร่วมกับครอบครัว

อาม่าจะถือชามข้าวได้ลำบากและทำข้าวหกลงบนโต๊ะตลอดเวลา

ลูกสะใภ้อาม่ารำคาญกับเรื่องนี้มาก จึงปรึกษากับสามี

ว่าเวลาอาม่า ทานข้าวเขาจะทำข้าวหกเกลื่อนโต๊ะ นางทนไม่ได้เพราะมันทำให้รู้สึกกินข้าวไม่ลง

สามีก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเขาไม่สามารถทำให้อาม่าหายมือสั่นได้



อีกไม่กี่วัน ลูกสะใภ้ก็พูดกับสามีเรื่องนี้อีกว่า จะไม่แก้ไขอะไร เลยหรือนางทนไม่ได้แล้ว

หลังจากโต้เถียงกันไปสักพัก สามีก็ยอมตามภรรยา

โดยเมื่อ ถึงเวลาทานข้าว เขาจะจัดให้แม่นั่งแยกโต๊ะต่างหากเพียงคนเดียว

และใช้ถ้วยข้าวถูกๆ บิ่นๆ เพราะอาม่าทำถ้วยแตกบ่อยๆ

เมื่อถึงเวลาทานข้าว อาม่าเศร้าใจมาก เพราะอาม่าก็ไม่มีปัญญาจะแก้ไขอะไรได้





นางนึกถึงอดีตที่นางเลี้ยงดูลูกชายด้วยความรักเสมอมา นางไม่เคยบ่นต่อความเหนื่อยยาก

และเวลาที่ลูกชายเจ็บไข้นางก็ดูแลอย่างดี เวลาลูกชายมีปัญหาก็ช่วยแก้ไขทุกครั้ง

แต่ตอนนี้อาม่ารู้สึกว่าถูกทิ้ง อาม่าเสียใจมากหลายวันผ่านไป อาม่ายังเศร้าใจ

รอยยิ้มเริ่มจางหายไปจากใบหน้าของ เขาหลานชายน้อยๆ ของอาม่าซึ่งเฝ้าดูทุกอย่างมาตลอด

ก็เข้ามาปลอบใจและบอกคุณย่า ว่าเขารู้ว่าคุณย่าเสียใจมากที่พ่อแม่ของเขาทำแบบนี้

แต่หลานชายมีวิธีที่จะให้อา ม่ากลับไปทานข้าวรวมกับทุกคนได้

ความหวังเริ่มเกิดขึ้นในหัวใจของหญิงชรา จึงถามหลานชายว่าจะทำอย่าง ไร

หลานก็ตอบว่าเย็นนี้ให้คุณยายแกล้งทำชามของคุณยายตกแตกเหมือนกับไม่ได้ตั้งใจ

อาม่าได้ฟังก็แปลกใจ แต่เด็กน้อยยืนยันว่า ให้คุณยายทำตามที่บอก

ที่เหลือปล่อย เป็นหน้าที่ของหลานเอง



และแล้วเมื่อได้เวลาอาหารเย็นหญิงชราก็ตัดสินใจลองทำตามที่หลานพูด

เพื่อจะดูว่าหลานมีแผนอะไร หญิงชรายกถ้วยข้าวเก่าที่เต็มไปด้วยรอยบิ่นขึ้นแล้ว

แกล้งปล่อยลงบนพื้นเหมือนกับหลุดมือ ถ้วยข้าวเก่าๆ แตกกระจายยับเยิน

ลูกสะใภ้เห็นถ้วยแตกเสียหายก็ลุกขึ้นเตรียมจะด่าว่าอาม่า

แต่ลูกชายตัวน้อยของนางกลับชิงพูด ขึ้นมาก่อนว่า

"คุณยายทำไมทำชามแตกหมดเลย หนูกะว่าจะเก็บไว้ให้คุณแม่ใช้ตอนแก่นะ"

ลูกสะใภ้เมื่อได้ยินลูกชายพูดเช่นนี้ก็หน้าซีดและด่าอาม่าไม่ออกอีกต่อไป



นางรู้ทันทีว่าสิ่งที่นางทำจะเป็นตัวอย่างให้ลูกชายของนางปฏิบัติเมื่อนางแก่ตัวลง

นางรู้สึกอับอายและสำนึกกับการกระทำของตัวเอง

ตั้งแต่นั้นมาทุกคนก็ทานข้าวรวมกันมาตลอด

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2550

-- อะไร .ในชีวิต. มีค่าเท่ากับ 100% --

A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z ค่าเท่ากับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 แล้วจะพบว่า...... 1) H+A+R+D+W+O+R+K = 8+1+18+4+23+15+18+11 = 98% HARD WORK หรือ ทำงานหนัก มีค่าเท่ากับ 98 % 2) K+N+O+W+L+E+D+G+E = 11+14+15+23+12+5+4+7+5 = 96% KNOWLEDGE หรือ ความรู้ มีค่าเท่ากับ 96 % 3) L+O+V+E=12+15+22+5 = 54% LOVE หรือ ความรัก มีค่าเท่ากับ 54 % 4) L+U+C+K = 12+21+3+11 = 47% LUCK หรือ โชค มีค่าเท่ากับ 47 % Q : ไม่มีสิ่งใดที่มีค่า 100 % เลยหรือ !!! แล้วสิ่งใดที่มีค่าเท่ากับ 100 % - ใช่เงินหรือเปล่า ?……… .... .....ไม่ใช่ !!!!! - ความเป็นผู้นำหรือเปล่า ?………ไม่ใช่ !!!!! Q : แล้วอะไรล่ะ ? Ans. : A+T+T+I+T+U+D+E = 1+20+20+9+20+21+4+5 = 100% ATTITUDE หรือ ทัศนคติ นั่นเอง ที่มีค่าเท่ากับ 100 % ท่านคิดเช่นนั้นหรือไม่ ทุกปัญหามีทางออก . . บางทีแค่เพียงแต่เราเปลี่ยน "ทัศนคติ " ของเราเสียใหม่เท่านั้นเอง มีเพียงแต่ "ทัศนคติ" ของเราเท่านั้น ที่จะเป็นตัวนำทาง ไปสู่ความสำเร็จในชีวิต และงานที่ทำ ....ความคิด & ทัศนคติ....และสุดท้าย .... การลงมือทำ

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2550


L'histoire : Durant l'hiver 1959, Vianne Rocher (Juliette Binoche) s'installe avec sa fille de six ans, Anouk (Victoire Thivisol), à Lansquenet, une petite bourgade française où la vie s'écoule, paisible et immuable. A son arrivée, personne n'aurait pu imaginer que cette femme déterminée et sa fille sémillante allaient bouleverser cette communauté aux idées et coutumes bien ancrées.
En quelques jours, Vianne ouvre une confiserie à proximité de l'église. C'est une chocolatière hors pair : elle devine la gourmandise cachée de chacun et adapte ses recettes raffinées pour combler ses clients. De nombreux villageois s'abandonnent rapidement à ses irrésistibles friandises et succombent à ses délices sucrés.
Mais la bourgeoisie huppée de la ville ainsi que le Comte de Reynaud (Alfred Molina ; Magnolia) sont outrés de voir les habitants envoûtés par les chocolats de Vianne, et ce en pleine période de Carême. Craignant que ses friandises n'amènent les gens au péché et à l'oisiveté, le Comte s'oppose vivement au commerce de Vianne et, afin de causer sa faillite, interdit à quiconque de s'y rendre.
La venue d'un autre étranger, le beau Roux (Johnny Depp ; La neuvième porte), va bouleverser la donne. Il aide Vianne à tenir tête à ses détracteurs.
Le Chocolat de Lasse Hallström (L'oeuvre de Dieu, la part du Diable) s'inspire d'un roman de Joanne Harris. Johnny Depp et le réalisateur suédois ont déjà collaboré sur Gilbert Grape en 1993.